
“ผมเห็นกำไรแล้วครับ ผมเห็นแล้ว!”
เสียงของนายธนาดังก้องในห้องประชุมกลุ่มนักลงทุนทองคำรายย่อยประจำเดือน เขาพูดด้วยความตื่นเต้นขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาฉายภาพกราฟราคาทองคำที่กำลังพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ธนาเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่ม เขาเพิ่งเริ่มสนใจการลงทุนในทองคำได้เพียงสองเดือน หลังจากได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดถึงผลกำไรมหาศาลจากการเทรดทองคำในช่วงที่ราคากำลังผันผวน
“ผมเห็นราคาทองคำวิ่งขึ้นมา 5% ในสองวัน ผมเลยตัดสินใจกู้เงินจากบัตรเครดิตมา 200,000 บาท เพื่อเข้าไปซื้อตอนขาขึ้น ถ้ามันขึ้นไปอีกแค่ 3% ผมก็ได้กำไรเกือบ 6,000 บาทแล้ว และผมวางแผนใช้เลเวอเรจ 10 เท่าด้วย จะได้กำไรเป็น 60,000 บาท!”
หลายคนในห้องเริ่มสบตากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล แต่ไม่มีใครพูดอะไร
สมชาย ประธานกลุ่มนักลงทุนซึ่งมีประสบการณ์ในตลาดทองคำมากว่า 15 ปี นั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“คุณธนา ผมขอแบ่งปันประสบการณ์สักเรื่องนะครับ” สมชายพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เรื่องของวิศิษฐ์
“เมื่อสิบปีที่แล้ว มีสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มเรา ชื่อวิศิษฐ์ เขาก็เคยมีความคิดคล้ายๆ คุณ”
สมชายเล่าเรื่องราวของวิศิษฐ์ วิศวกรหนุ่มที่เพิ่งแต่งงานและซื้อคอนโดมิเนียมหลังแรก เขาได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของเพื่อนที่รวยจากการลงทุนในทองคำช่วงที่ราคาพุ่งสูงขึ้น เขาอยากมีเงินมากขึ้นเพื่อผ่อนบ้าน และจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นหลังแต่งงาน
วิศิษฐ์ตัดสินใจกู้เงินจากสินเชื่อส่วนบุคคล 300,000 บาท โดยมีกำหนดต้องจ่ายคืนภายใน 1 ปี ด้วยดอกเบี้ย 15% ต่อปี นั่นหมายความว่าเขาต้องหาเงินมาจ่ายคืนเดือนละประมาณ 27,500 บาท
“วิศิษฐ์คิดแบบง่ายๆ ว่าถ้าเขาสามารถทำกำไรได้ 5% ต่อเดือน จากเงิน 300,000 บาท ด้วยการใช้เลเวอเรจ 5 เท่าในการเทรดทองคำ เขาจะได้เงินราว 75,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมากพอที่จะใช้หนี้และยังเหลือกำไรอีกด้วย”
แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่วิศิษฐ์คิด
ความกดดันที่มองไม่เห็น
“สัปดาห์แรกหลังจากที่วิศิษฐ์เอาเงินเข้าตลาด ราคาทองคำเริ่มปรับตัวลง 1%” สมชายเล่าต่อ “เนื่องจากเขาใช้เลเวอเรจ 5 เท่า นั่นหมายถึงการขาดทุนไปแล้ว 15,000 บาท”
วิศิษฐ์เริ่มตื่นแต่เช้าเพื่อดูราคาทองคำก่อนไปทำงาน ตรวจสอบแอพพลิเคชั่นเทรดทุกๆ 15 นาที และตื่นตัวกับทุกข่าวที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำ เมื่อเขาเห็นว่าราคาปรับตัวลงอีก เขาก็ตัดสินใจปิดสถานะขาดทุน แล้วรีบเปิดสถานะใหม่เมื่อเห็นว่าราคาเริ่มปรับตัวขึ้น
“เขาไม่มีสมาธิทำงาน” สมชายเล่า “เขาคิดแต่ว่าจะทำยังไงให้ได้เงินมาใช้หนี้ เพราะทุกวันที่ผ่านไป ดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้น และค่า Swap ในการถือสถานะข้ามคืนก็กินเงินทุนของเขาไปเรื่อยๆ”
ในที่สุด วิศิษฐ์ก็เริ่มเทรดถี่ขึ้น พยายามจับจังหวะตลาดระยะสั้น เขาซื้อและขายบ่อยขึ้น บางครั้งหลายรอบในหนึ่งวัน การตัดสินใจของเขาไม่ได้มาจากการวิเคราะห์กราฟหรือปัจจัยพื้นฐานอย่างรอบคอบ แต่มาจากความกลัวและความเร่งรีบ
บทเรียนที่แสนเจ็บปวด
“สามเดือนผ่านไป จากเงิน 300,000 บาท วิศิษฐ์เหลือเพียง 180,000 บาท” สมชายพูดเสียงเครือ “เขาขาดทุนไปเกือบ 40% ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าสเปรดและค่าธรรมเนียมจากการเทรดที่มากเกินไป”
วิศิษฐ์พยายามกู้สถานการณ์ด้วยการเสี่ยงมากขึ้น เขาเริ่มเพิ่มเลเวอเรจเป็น 10 เท่า เพื่อให้ได้กำไรมากขึ้นในเวลาอันสั้น แต่ยิ่งทำให้พอร์ตของเขาผันผวนรุนแรง และเมื่อมี Margin Call เขาถูกบังคับให้ปิดสถานะในจังหวะที่ขาดทุนหนัก
“หกเดือนให้หลัง เงินของเขาเหลือเพียง 120,000 บาท และเขายังต้องจ่ายค่างวดให้กับสินเชื่อทุกเดือน” สมชายเล่าต่อ “วิศิษฐ์เริ่มมีปัญหาครอบครัว เขานอนไม่หลับ ความสัมพันธ์กับภรรยาแย่ลง และประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดลงจนเกือบถูกไล่ออก”
ในที่สุด วิศิษฐ์ต้องยอมปิดทุกสถานะในราคาขาดทุน นำเงินที่เหลือมาผ่อนชำระหนี้ และต้องขอกู้เงินจากครอบครัวเพื่อปิดส่วนที่ขาด
บทเรียนสำหรับนักลงทุน
สมชายหยุดเล่าเรื่อง และมองตรงไปที่ธนา “ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้เพื่อทำให้คุณกลัว แต่อยากให้คุณเห็นว่า การลงทุนในทองคำด้วยเงินกู้ โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเวอเรจและมีกำหนดเวลาชำระคืนที่ชัดเจน สร้างความกดดันมหาศาล”
สมชายอธิบายต่อว่า การลงทุนในทองคำต้องการความใจเย็น สมาธิ และการตัดสินใจที่ไม่ถูกบีบด้วยเวลา เมื่อคุณลงทุนด้วยเงินกู้ที่มีกำหนดเวลาชำระคืน คุณจะมีแนวโน้มที่จะ:
- ขาดความอดทน: คุณจะรีบร้อนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเร็วที่สุด โดยไม่รอจังหวะที่เหมาะสม
- ตัดสินใจด้วยอารมณ์: ความกลัวและความกังวลจะครอบงำการตัดสินใจของคุณ ทำให้ซื้อเมื่อราคาสูงและขายเมื่อราคาต่ำ
- เทรดบ่อยเกินไป: การซื้อและขายบ่อยๆ จะนำไปสู่ค่าสเปรดและค่าธรรมเนียมที่สูงซึ่งกัดกินกำไรของคุณ
- ใช้เลเวอเรจมากเกินไป: เมื่อขาดทุน คุณจะพยายามกู้สถานการณ์ด้วยการเพิ่มเลเวอเรจซึ่งเพิ่มความเสี่ยงมหาศาล
- มีปัญหาสุขภาพจิต: ความเครียดและความวิตกกังวลจะส่งผลต่อทุกด้านของชีวิต
ทางเลือกที่ดีกว่า
“แล้วถ้าผมอยากเริ่มลงทุนในทองคำจริงๆ ล่ะครับ?” ธนาถามด้วยน้ำเสียงเบาลง
สมชายยิ้มและเดินมาวางมือบนบ่าของธนา “ผมแนะนำให้คุณเริ่มด้วยเงินที่คุณพร้อมจะสูญเสีย เงินที่ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ เรียนรู้การวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานที่กระทบราคาทองคำ เช่น นโยบายธนาคารกลาง สถานการณ์เศรษฐกิจโลก และความต้องการทองคำในตลาด”
สมาชิกคนอื่นๆ เริ่มแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเอง บางคนเล่าถึงความผิดพลาดในอดีต บางคนแบ่งปันกลยุทธ์การลงทุนในทองคำแบบค่อยเป็นค่อยไปที่ประสบความสำเร็จ
“นอกจากนี้” สมาชิกคนหนึ่งเสริม “คุณอาจพิจารณาซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณไว้เป็นการออมระยะยาว แทนการเทรดระยะสั้นที่มีความเสี่ยงสูง ทองคำมีคุณค่าในการรักษาเงินทุนในระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน”
“และที่สำคัญที่สุด” สมชายกล่าวปิดท้าย “จงลงทุนด้วยเงินที่คุณมี ไม่ใช่ด้วยเงินที่คุณหวังว่าจะมี ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวน และไม่ควรใช้เงินกู้หรือเลเวอเรจที่สูงเกินไปในการลงทุน”
ธนานั่งเงียบ เขากำลังคิดทบทวนแผนการลงทุนของตัวเอง บางทีการเริ่มต้นอย่างช้าๆ และมั่นคงอาจเป็นเส้นทางที่ดีกว่าในระยะยาว
หลักการลงทุนในทองคำที่ยั่งยืน
- ลงทุนด้วยเงินส่วนเกิน – ไม่ใช่เงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันหรือเงินกู้
- เข้าใจลักษณะของตลาดทองคำ – ราคาทองคำได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ทั้งความต้องการทางอุตสาหกรรม การลงทุน และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค
- มีแผนระยะยาว – การลงทุนในทองคำอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลตอบแทนที่ดี
- ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง – ถ้าจำเป็นต้องใช้ ให้ใช้ในระดับต่ำ และเข้าใจความเสี่ยงอย่างถ่องแท้
- ศึกษาอย่างต่อเนื่อง – ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงิน และปัจจัยที่กระทบราคาทองคำ
- ควบคุมอารมณ์ – ตลาดทองคำมีความผันผวนสูง อย่าตื่นตระหนกเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ามานานนับพันปี แต่การลงทุนที่รีบร้อนอาจทำให้คุณสูญเสียแทนที่จะได้กำไร จงให้เวลากับการเรียนรู้และการลงทุนอย่างมีวินัย”
Leave a Reply