
บทความนี้มือใหม่ต้องอ่าน!! เพราะการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นกลยุทธ์ที่จะเข้ามาช่วยให้นักเทรดตัดสินใจหรือคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำขึ้น แอดเหยี่ยวอยากชวนมือใหม่ มารู้จักกับ แนวรับ แนวต้านว่ามีประเภทอะไรบ้าง รวมไปถึงเทคนิคการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดด้วยครับ
แนวรับ แนวต้าน คืออะไร?
แนวรับ แนวต้าน คือ หนึ่งในเทคนิคในการวิเคราะห์การเทรดด้วย การคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาเพื่อมองหาจุดที่จะเข้าไปทำรายการที่ได้เปรียบ
แนวรับ (Support) คือ ระดับราคาที่คาดการณ์ว่าแรงซื้อจะเข้ามาหนุนราคา เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาร่วงลงต่อ และจะเด้งกลับไปทุกที วิธีสังเกตแนวรับ คือ บริเวณที่กราฟลงมาแตะบริเวณนั้นมากที่สุด
แนวต้าน (Resistance) คือ ระดับราคาที่คาดการณ์ว่าแรงขายจะเข้ามาต้านราคา เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาพุ่งขึ้นต่อ
ส่วน “แนวต้าน” ก็จะตรงกันข้ามกับแนวรับ คือ “แนวต้าน” เป็นระดับราคาที่มักจะมีแรงขายเทลงมาเนื่องจากเป็นระดับราคาที่นักลงทุนพลาดไม่ได้ขายก่อนหน้านั้น
ดังนั้น หากให้อธิบายเพื่อให้เห็นภาพกันมากขึ้นล่ะก็ แนวรับและแนวต้าน เปรียบเสมือน “กำแพง” ที่มองไม่เห็นในกราฟราคา เป็นจุดที่ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะ “เด้งกลับ” หรือ “หยุด” การเคลื่อนที่
ความสำคัญของแนวรับแนวต้าน
- แนวรับ แนวต้าน แสดงระดับราคาที่สำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคา
- แนวรับแนวต้าน นั้นคือระดับราคาที่สะท้อนอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply)
- แนวต้านแนวรับ แสดงระดับราคาที่เป็นแนวรับ-แนวต้าน ที่ถูกกำหนดขึ้นเองตามมุมมองของแต่ละคน
แนวรับ แนวต้าน คือส่วนสำคัญของตลาดการเงินทุกชนิด โดยแนวรับและแนวต้านใน Forex นั้นคล้ายกับในตลาดหุ้น
ประเภทของ แนวรับ แนวต้าน

สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.ระดับแนวรับและแนวต้านแบบคงที่
คือ จุดราคาที่เคยเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอดีต เช่น จุดสูงสุด/ต่ำสุดในช่วง 52 สัปดาห์ หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ ราคาที่เคยเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอดีต ซึ่งนักเทรดมักจะใช้ข้อมูลในอดีตคาดการณ์แนวโน้มของตลาดว่ามีพฤติกรรมอย่างไรในอดีตเพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ในอดีตไม่สามารถนำมารับประกันผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแม่นยำ นักเทรดจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณในการเทรดอย่างรอบคอบ
2.แนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก
คือ การใช้วิธีอิงจากตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average) เส้น Bollinger Bands ซึ่งแนวรับและแนวต้านประเภทนี้จะเปลี่ยนแปลงตามเวลา และมักจะมีการปรับตามการเปลี่ยนของราคาล่าสุดเพื่อวางแผนและตัดสินใจเรื่องการเข้าทำรายการ เรียกง่ายๆ ก็คือ เป็นการคาดการณ์และวางแผนกับสถานการณ์ปัจจุบันของตลาด หากมีจุดที่เห็นแล้ววิเคราะห์ได้ว่าเป็นโอกาสก็จะพร้อมปรับเปลี่ยนแผนการในการทำรายการทันที
3.ระดับแนวรับและแนวต้านแบบกึ่งไดนามิก
เป็นช่วงราคาที่ราคาทดสอบและยืนยันซ้ำๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อ/ขายที่ระดับนั้น
วิธีการเทรดด้วยเทคนิค แนวรับ แนวต้าน

- การซื้อที่แนวรับ: เมื่อราคาร่วงลงมาแตะแนวรับ คาดการณ์ว่าแรงซื้อจะเข้ามาหนุนราคา จึงเป็นโอกาสซื้อ
- การขายที่แนวต้าน: เมื่อราคาพุ่งขึ้นไปแตะแนวต้าน คาดการณ์ว่าแรงขายจะเข้ามาต้านราคา จึงเป็นโอกาสขาย
- การตั้ง Stop-Loss: วาง Stop-Loss ไว้ใต้แนวรับ (สำหรับการซื้อ) หรือเหนือแนวต้าน (สำหรับการขาย) เพื่อจำกัดความเสี่ยง
- การใช้ตัวชี้วัดอื่นประกอบ: ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI, MACD เพื่อยืนยันสัญญาณซื้อ/ขาย
สรุป
แนวรับ คือ ระดับราคาที่มีความต้องการซื้อมาก ส่วนแนวต้าน คือ ระดับราคาที่มีคนต้องการขายมาก แนวรับและแนวต้าน เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุน ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของราคา สามารถคาดการณ์จุดเปลี่ยน และช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจซื้อ/ขายได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาหาความรู้ ฝึกฝน และใช้กลยุทธ์นี้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก exness
Leave a Reply